|
สุวิชา กลินทะ |
บีบีกันเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกเมื่อไหร่ คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ส่วนตัวผมจับบีบีกันครั้งแรกเมื่อปี 2542 หรือปี 1999 บาเร็ตต้า M92 มารุอิ คือปืนบีบีกระบอกแรกของผม และอีก 3 ปีต่อมาประมาณปลายปี 2545 ผมก็ออกพ๊อกเก็ตบุ๊คบีบีกันเล่มแรกของเมืองไทยชื่อว่า AIR GUN GUIDE
อีกไม่กี่เดือนต่อมา ต้นปี 2546 หรือ 2003 ผมก็ออกหนังสือบีบีกันราย 2 เดือนเล่มแรกของไทย
ชื่อ เกมกันส์
บีบีกันมาเริ่มบูมในปี 2006 และบูมสุดขีดในปี 2007 ในปีนั้นเองผมรวบรวมกูรูผู้เก่งกล้าในวงการปืนจีนมาออกหนังสือเพิ่มอีกเล่มชื่อว่า จีนกันส์ พร้อมเปิดตัวนักเขียนชื่อดัง บอย ปืนจีน และ ทีมงานสหพันธ์ปืนจีน
หลังจากนั้นวงการก็อยู่ในยุคขาขึ้น ผมออกหนังสือพิมพ์ชื่อ บีบีนิวส์ และ พ๊อกเก็ตบุ๊คอีกหลายเล่ม มีสนามเกิดใหม่มากมาย ในปี 2008 และ 2009 มีงานบีบีกันใหญ่ระดับประเทศครั้งแรกของเมืองไทยในชื่องาน อินเตอร์เนชั่น บีบีโชว์ ที่เดอะมอลล์บางกะปิ มีผู้เข้าชมงานหลายหมื่นคน มีงานแข่งระดับประเทศที่ชื่อว่า ยุทธกีฬาชิงแชมป์ประเทศไทย ที่เซ็นทรัล บางนา มีทีวีมาถ่ายออกหลายรายการ นี่คือจุดเริ่มต้นของ ตำนานบีบีกันในไทย...
ประวัติ
ความเป็นมาของกีฬา BB. ในประเทศไทย จากเริ่มต้นถึงปัจจุบัน
ประเทศไทยเริ่มรู้จักปืน BB. ได้ประมาณ 17 ปีมาแล้ว โดยเริ่มต้นราว ๆ ปี พ.ศ. 2529 - 2534 ก็ตั้งแต่ที่เริ่มมีปืน BB. กำเนิดขึ้นในญี่ปุ่นได้ไม่นาน โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ามาจากฮ่องกงพร้อมกับสินค้าพลาสติกโมเดลจากผู้นำเข้าอิสระในขณะนั้น แต่ก่อนที่จะมีปืน BB. ที่ใช้กระสุนทรงกลมขนาด 6 มม. ชาวไทยเราได้รู้จักกับโมเดลปืนและปืนแก๊ปที่ใช้ลูกกระสุนแบบอื่นมาก่อนแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 3 ยุคใหญ่ ๆ ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความเป็นมาของวงการปืน BB. ในประเทศไทยต่อไป
ยุคที่ 1 ปืนโมเดล
ราว ๆ ปี พ.ศ. 2520 คนไทยเริ่มจะรู้จักกับโมเดลปืน ทั้งที่เป็นเหล็กและพลาสติก ที่จะต้องมาต่อ และทำสีเองกันบ้างแล้ว บางแบบก็สามารถยิงได้ บางแบบก็เป็นปืนแก๊ป ที่มีแต่เสียง ยิงอะไรออกมาไม่ได้ แบบที่ยิงได้จะเป็นระบบอัดลม ที่คล้ายกับระบบ แอร์ค็อกกิ้ง ส่วนลูกกระสุนจะเป็นลูกพลาสติก รูปทรงคล้ายกระโถน ขนาด .177 นิ้ว และ 6 มม. เราจึงเรียกว่า ลูกกระโถน แต่เนื่องจาก ส่วนใหญ่ปืนแบบนี้ เป็นพลาสติกโมเดล ที่จะต้องนำมาต่อ และทำสีเอาเอง และพอทำสีแล้ว หากนำไปเล่นบ่อย ๆ สีก็จะถลอกได้ จึงไม่มีใครนิยมนำออกมาเล่นกันมากนัก ส่วนใหญ่จะประกอบ แล้วแขวนโชว์ ไว้ในบ้าน มากกว่า ปืนอัดลมแบบนี้ถูกจำลองมาจากปืนหลากหลายรุ่น มีทั้ง M-16, UZI, AK-47, MP-5 และอีกมากมาย แม้จะผลิตจากวัสดุที่เป็นพลาสติกที่ไม่แข็งแรง แต่ก็เป็นที่นิยม ในหมู่นักต่อโมเดลในยุคนั้น เป็นอย่างมาก ส่วนห้างร้านที่นำปืนแบบนี้ เข้ามาจำหน่าย ที่เป็นแหล่งใหญ่ๆหน่อยก็จะมีไทยไดมารู, เซ็นทรัล และร้านธนันต์ ที่เป็นร้านขาย ชุดพลาสติกจำลองอยู่แล้ว ซึ่งบรรดาห้างร้านทั้งหมดนี้ ล้วนมีใบอนุญาตนำเข้าสิ่งเทียม อาวุธปืน ที่ถูกต้องด้วยกันทั้งสิ้น (ตอนนั้นขออนุญาตง่ายมาก แต่ต้องต่ออายุปีต่อปี ปัจจุบันขอยากแต่ขอได้ ต่ออายุปีต่อปีเหมือนกัน) ต่อมาไม่นานความนิยมปืนโมเดลแบบนี้ก็สลายไป วงการก็ นิ่ง ๆ อยู่พักใหญ่..
ยุคที่ 2 ปืน BB.
จนมีปืน BB. ที่เป็นปืนสั้นอัดลม และปืนอัดแก๊ส เข้ามาขาย ความนิยมปืนอัดลม จึงเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่ อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กระแสนิยมสูงกว่าเดิม เพราะกลุ่มผู้เล่น กว้างขึ้น จากเดิมที่มีแต่คนเล่นโมเดลเสียส่วนใหญ่ ก็กลายมาเป็นผู้เล่นที่เป็นคนธรรมดา โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐาน การต่อโมเดลมาก่อนเลย เนื่องจากปืนแบบใหม่นี้ ไม่ต้องประกอบเอง และบางแบบก็จะมีวัสดุเป็นเหล็ก จึงมีความทนทาน กว่าปืนโมเดล แบบเเรก อีกทั้งปืน BB. ที่เป็นแก๊ส ยังสามารถยิงได้ต่อเนื่อง ในระบบเซมิออโต้ แม้จะยังไม่มีระบบโบล์วแบ็ก เหมือนในปัจจุบันก็ตาม แต่มันก็สามารถ สร้างความสนุกสนาน ให้กับผู้เล่น ได้มากกว่าปืนอัดลมแบบเก่า ปืนสั้นอัดแก็ส จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
หลังจากการเข้ามาของปืนสั้นอัดแก๊สได้ไม่นาน ก็เริ่มมีปืนยาวอัดแก๊ส เข้ามาให้เห็นในท้องตลาด แต่ผิดคาดครับ ปืนยาวอัดแก๊ส กลับไม่ได้รับความนิยม เท่าที่ควร เนื่องจากราคาสูงมาก และระบบปฏิบัติการนั้น ยังมีปัญหามาก อายุการใช้ก็งานต่ำ ซ้ำอะไหล่ก็หายากในเมืองไทย (บางแบบไม่มีอะไหล่รองรับเลย) และเนื่องจาก เป็นปืนที่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้ จึงต้องใช้แก๊สในปริมาณมาก มีความสิ้นเปลืองสูง เป็นเหตุให้ต้องใช้ถังแก๊สขนาดใหญ่อยู่นอกตัวปืน โดยใช้สายลมต่อเข้ากับตัวปืนอีกที ด้วยอุปสรรคดังกล่าว ทำให้ปืนยาวอัดแก๊ส ไม่ได้รับความนิยมสูงนัก ในเมืองไทย
ปืน BB. ในยุคนั้นไม่ต้องพูดถึงความแม่นยำก็คือมันไม่มีเลย ในระยะ 10 เมตรขึ้นไปปืน BB. จะไม่สามารถ คลุมกลุ่มกระสุนได้เลย เพราะมันยังไม่มีฮ็อปอัปเหมือนปืน BB. สมัยใหม่ ผู้เล่นก็จะนิยมซื้อปืน BB. มาเก็บไว้เล่นอยู่ในบ้านหรือเล่นยิงเป้าธรรมดา เมื่อปืนหมดอายุการใช้งานจนพัง ไปก็ยังไม่มีใครซ่อมได้ สุดท้ายก็ต้องวางไว้เฉย ๆ หรือทิ้งไป เรื่องที่จะมีการเล่นแบบเซอร์ไววัลเกมแบบในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครเล่น เพราะหน้ากาก และ อุปกรณ์ป้องกัน ยังไม่มี จึงเป็นอันตรายหากจะนำมาเล่นยิงกันจริง ๆ (แต่ก็มีบางคนอุตริเอาไปเล่นเหมือนกัน สุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บกันจนได้)
จนผ่านมาอีก 15 ปี ประมาณปี 2535 เมื่อมีปืน BB. ไฟฟ้าของมารุอิเข้ามา ก็ทำให้กระแสความนิยมปืนยาวก็เริ่มสูงขึ้น เพราะปืนมีราคาถูก กว่าปืนยาวอัดแก๊ส อายุการใช้งาน ที่ยาวนานกว่า แม้อะไหล่ในไทยจะยังหายากอยู่ แต่ก็สามารถ สั่งร้านที่นำเข้ามาได้ และที่สำคัญความสิ้นเปลือง ก็ต่ำกว่า เพราะไม่ต้องใช้แก๊สเพียงแต่ชาร์ตแบ็ตฯ ให้เต็มก็สามารถยิงได้แล้ว ความนิยม ปืนยาวไฟฟ้าจึงสูงมาก จนไม่มี ผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระ จากฮ่องกง รายใดไม่นำเข้ามาขาย ผู้นำเข้าพลาสติก โมเดลอิสระ จากฮ่องกงทุกราย ต่างแข่งกันนำปืนไฟฟ้า ของมารุอิ เข้ามาขายจนบางราย เลิกนำเข้าพลาสติกโมเดล และหันมานำเข้าปืน BB. ไฟฟ้านี้แทนไปเลยก็มี แต่ปืนยาว BB. ยุคนี้ก็ยังไม่มีฮ็อปอัปอยู่ดี ความแม่นยำจึงต่ำไปด้วย แม้จะมีปืน BB. ไฟฟ้าแล้ว การเล่นแบบเซอร์ไววัลเกม ก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะยังขาดอุปกรณ์ป้องกัน และไม่มีสนาม ให้เล่น แม็กฯ โมฯ ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ การเล่นส่วนใหญ่ ก็ยังเหมือนเดิม คือ เล่นอยู่ในบ้านและสะสม
ยุคที่ 3 กีฬา BB.
เริ่มจากการเกิดขึ้นของสนามเพนท์บอล ที่ย่านตะวันนาข้าง ๆ เดอะ มอลล์บางกะปิ โดยเจ้าของสนาม และเพื่อน ๆ ในสมัยนั้นได้เริ่มนำปืน BB. เข้ามาร่วมเล่นด้วย เป็นการเล่นกัน ในเวลากลางคืน เนื่องจากเหตุผลด้านกฎหมาย ในสมัยนั้นนั่นเอง และในยุคแรก ๆ ของสนาม ก็ยังไม่มีปืน และอุปกรณ์ BB. ให้ผู้เล่นได้เช่า มีเพียงสนามและอุปกรณ์เพนท์บอลเท่านั้น ต่อมา เมื่อมีผู้เล่นมากขึ้น ทางสนามจึงได้มีปืนและอุปกรณ์ BB. ให้เช่าร่วมกันกับกีฬาเพนท์บอล สนามที่ว่านี้ก็คือ สนามยุทธกีฬา ร.11 ในปัจจุบันนั่นเอง เมื่อมีสนามที่ตะวันนา ได้ไม่นาน ก็เริ่มมีสนามเกิดขึ้นมาใหม่หลายสนาม แต่ส่วนมากจะเป็นสนามเพนท์บอล เสียมากกว่า
|
คุณกิตติ สิงหาปัด และทีมข่าว 3 มิติ ก็เล่นบีบีกันที่สนามราบ 11 |
ต่อมา สนามตะวันนาก็ต้องปิดตัวลง และย้ายไปอยู่ที่ตลาดปัฐวิกร (หลังโรงเรียนบดินทร์เดชา 2) ซึ่งที่นี่เอง ที่อาจจะนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มของวงการ BB. ในไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุที่สนาม ยังมีไม่มาก รวมทั้งผู้เล่นก็ยังไม่แพร่หลายนัก ทำให้ผู้เล่นรวมตัวกระจุกกัน อยู่ที่ปัฐวิกรเสียมากกว่า ในสมัยนั้น ผู้เล่นยังน้อย เสียจนสามารถนับจำนวนผู้เล่นได้ และผู้เล่นทั้งหมด ส่วนมากจะรู้จักกัน
พอสนามเริ่มมีการประชาสัมพันธ์ ก็ทำให้ BB. เริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น บรรยากาศในสนามสมัยนั้น บอกได้ว่าสนุกมากครับ เพราะมารยาท เป็นเรื่องสำคัญมาก ในสมัยนั้น ทั้งในสนามและนอกสนาม เมื่อผู้เล่นทำผิด ก็จะได้ยินคำขอโทษทุกครั้ง
สนามปัฐวิกร เปิดอยู่ได้พักใหญ่ ๆ ก็ต้องย้ายอีกครั้ง มาอยู่แถบย่านรามอินทรา เลียบทางด่วนตรงข้ามบ้านอดีตนายกปู ในยุคนี้เองที่วงการกีฬา BB. ของไทยได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง คือ เริ่มมีการจัด ออนทัวร์ ออกไปเล่นนอกสถานที่ จากเดิมที่เคยเล่นในสนามกัน อย่างเดียว อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่เกมสตาร์ ให้กำเนิด นิตยสารเกมกันส์แม็กกาซีน ขึ้น คนในวงการทั้งสนาม ร้านค้า และนิตยสารต่างก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี มีการร่วมกันจัดกิจกรรมใหญ่ ๆ แบบไม่หวังผลกำไรก็หลายต่อหลายครั้ง
วงการ BB. ในช่วงนี้ เริ่มมีการเจริญเติบโต ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แม้จะไม่ถึงกับบูมสุดขีด แต่ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างมั่นคงเลยทีเดียว ปืน BB. ที่ใช้กันก็ยังคงเป็นปืน ของมารุอิ เป็นส่วนใหญ่ (95%) มียี่ห้ออื่น ๆ อย่าง ทานากะ มารุเซ็น ฯลฯ น้อยมาก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนอกจากปืนของมารุอิแล้วจะหาอะไหล่ได้ยาก ต้องสั่งพิเศษเข้ามาเท่านั้น ซึ่งร้านค้าในขณะนั้นก็ยังมีไม่มาก มีผู้นำเข้าอิสระที่เป็นรายใหญ่ ๆ แค่ไม่กี่ราย ซึ่งก็จะขายส่งให้ร้านค้าอื่น ๆ นำไปวางขายอีกต่อหนึ่ง ที่นำเข้ามาเองเลยก็พอมี แต่ยังไม่มากนัก การซื้อขายก็ยังเป็นระบบที่ต้องสั่งล่วงหน้า หรือต้องสั่งก่อน จึงจะได้ของ ยังไม่มีโชว์รูม ที่สามารถโชว์ของได้ เนื่องจากข้อกฎหมาย บางประการ
พอปืน BB. มีให้เล่นกันมากขึ้น สื่อต่าง ๆ ของกีฬา BB. ก็มีให้ติดตามมากขึ้น ไปด้วย เช่นกัน ผู้เล่นเริ่มเห็นว่า ปืนของตนสามารถตกแต่ง ให้สวยงาม และแรงได้ จึงเริ่มมีการปรับแต่งความแรงของปืนกัน แต่บรรดาอะไหล่และช่างปืน BB. ที่ชำนาญงานก็ยังมีน้อยอยู่ การแต่งปืนในยุคนี้ จึงยังไม่ได้มาตรฐาน การแต่ง ก็อาศัยการลองถูกลองผิดเอา ผลที่ได้ก็คือ ปืนที่ผ่านการแต่งจะพังเร็วมาก ส่วนใหญ่ก็จะใช้ ได้อยู่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น การปรับแต่งปืนจึงยังไม่แพร่หลายนัก
ส่วนอุปกรณ์เสริม ที่ใช้ติดตั้งบนตัวปืนนั้น ถ้าไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทางมารุอิผลิตขึ้นมาเอง ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ ที่ใช้กับปืนจริงราคาแพง ๆ ไปเลย แม้จะเริ่มมี ของไต้หวัน และจีน เข้ามาขายบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีไม่มากและหายากอยู่ การเล่นในยุคแรก ๆ ก็ยังเป็นการเล่น ที่ค่อนข้างมีข้อจำกัดอยู่มาก ส่วนใหญ่จะเล่นกันเฉพาะเวลากลางคืน โดยผู้เล่นจะเริ่มทยอยมาถึงสนาม ในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ก่อนจะเริ่มเล่นกันจริง ๆ ตอน 4-5 ทุ่ม การเล่นมักสิ้นสุดลงเอาตอนดึก ๆ ประมาณตี 2 ตี 3 กันเลยทีเดียว ที่เล่นกันถึงเช้าก็ยังมี คืนวันเสาร์จึงมักมีคนเล่นมากที่สุด ส่วนวันอื่น ๆ ค่อนข้างประปราย สำหรับในต่างจังหวัด ก็จะมีการเล่นในสนามไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการนัดเล่นกันเอง ในกลุ่มมากกว่า
จนเมื่อย่างเข้าปี พ.ศ. 2542 วงการ BB. ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ สนามเริ่มออกกฏ ที่มีความเป็นมาตรฐานขึ้น จากแต่ก่อนที่เป็นการเล่นแบบ Never Die (ยิงจนกว่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม จะเจ็บจนทนไม่ได้ และยอมออกไปเอง) ก็เปลี่ยนมาเป็นโดนยิงนัดเดียวออก มีการใช้กติกา You Dead ในระยะใกล้ ความต้องการที่จะเล่นนอกสนามก็ยังคงมีอยู่ แต่ได้มีการขอร้อง และขอความร่วมมือ กับผู้เล่นว่า ถ้าการเล่นไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ก็ไม่ควรเล่น ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออยู่มากเลยทีเดียว (ก็คนมันยังน้อยอยู่นี่) แต่ความต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปออนทัวร์ เล่นนอกสถานที่ก็ยังคงมีอยู่ จึงมีการงานออนทัวร์กันหลายครั้ง และถือเป็นโชคดี ของวงการบีบี ในบ้านเราครับ เพราะหลายต่อหลายงาน ทางทหารให้ความร่วมมือ กับชาวบีบีเราเป็นอย่างดี หลายกิจกรรมจัดในพื้นที่ของกองทัพ หลายกิจกรรม ก็มีเจ้าหน้าที่ทหาร เข้ามาร่วมเล่นด้วย และยังมีเอื้อเฟื้อยานเกราะสงคราม เพื่อใช้ในการเล่นด้วย เหล่านี้แม้แต่ต้นตำหรับในญี่ปุ่นเองก็ทำไม่ได้
แม้ในบางช่วง วงการบีบี จะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจบ้าง แต่ก็ยังคงมีการเจริญเติบโต มาโดยตลอด อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และควบคุมได้ง่ายอยู่ ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะ กลุ่มผู้เล่น มีวุฒิภาวะสูง และส่วนมากก็รู้จักกัน จนมาถึงช่วงปลายปี พ.ศ. 2549 ถึงต้นปี 2551 วงการบีบี ก็มาถึงจุดที่เรียกได้ว่าบูมสุดขีด มีผู้เล่นใหม่ ๆ เข้ามาในวงการ กันหนาตา สนามผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีงานใหญ่ถึงระดับเอเซียอย่าง บีบีโชว์ ซึ่งหากจะกล่าวว่าเป็นยุคทอง ของวงการบีบีไทย แล้วก็คงจะไม่ผิดนัก
แต่จากปี 2552 จนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยี่บีบีกันไปเร็วกว่ากฎหมายมาก ประกอบกับสถานการบ้านเมืองจึงทำให้วงการบีบีกันนิ่งอยู่กับที่เรียกว่าลงมาถึงจุดต่ำสุดอีกครั้ง วงการจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับพวกเราชาวบีบีกันแล้วครับ อยากให้เพื่อน ๆและน้อง ๆ ในวงการ ที่เป็นมือใหม่สนใจศึกษาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ และมารยาท ต่าง ๆ ให้ละเอียดกันสักหน่อย เพราะมันเป็นเรื่องที่จำเป็น ต่อวงการของเรามาก อีกทั้งสมัยนี้ ก็มีสื่อเกี่ยวกับปืนบีบี ให้เราได้เลือกนำมาศึกษากัน ได้อย่างสะดวกสบายกว่าสมัยก่อนมากแล้ว การจะมาอ้างว่าทำผิด เพราะไม่รู้นี่มันฟังไม่ขึ้นแล้วครับ เหมือนเป็นคนไทยก็ต้องรู้จักกฎหมายไทย เป็นคนบีบีก็ต้องรู้จักและเคารพกฎบีบีด้วยเช่นกันครับ ส่วนเพื่อน ๆ มือเก่า ที่อยู่ในวงการกันมาก่อน ก็อยากจะให้ใส่ใจรุ่นน้องของเรากันนิดนึง เพราะเดี๋ยวนี้คนมากขึ้น หลายคนยังเป็นมือใหม่ อ่อนประสบการณ์ ถ้าเราไม่ช่วยกันแนะนำ จากยุคที่วงการรุ่งเรืองสุดขีดในตอนนั้น ก็อาจจะไม่กลับมาให้เราเห็นอีกแล้วครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น